เขียนโดย : สุไลมัน มะดีเยาะ
ทางการมาเลเซียจับกุมเจ้าของรีสอร์ต หลังจากที่อนุญาตให้ชาวพุทธใช้ห้องละหมาดเพื่อทำการสวดมนต์
ผู้บังคับบัญชากรมตำรวจท้องถิ่นมาเลเซีย
โนร์ ราซิด และสื่อต่างๆกล่าวว่า ชายมุสลิมชาวสิงคโปร์ เจ้าของรีสอร์ตในรัฐยะโฮร์ วัย
45 ปี ซึ่งเป็นพลเมืองถาวรของมาเลเซียแล้ว
ถูกจับกุมกำลังถูกสอบสวนฐาน
"ทำให้สถานที่ศักดิ์สิทธ์มัวหมองด้วยเจตนาดูหมิ่นศาสนา"
จากการอนุญาตให้ชาวพุทธจากสิงคโปร์เข้าไปใช้งานห้องละหมาดสำหรับการสวดมนต์
เนื่องจากไม่มีห้องอื่นว่าง จึงให้ใช้ละหมาดก่อนเป็นชั่วคราว และคลิปวิดีโอของการสวดมนต์ที่นำโดยพระสงฆ์ดังกล่าว
ถูกโพสต์ลงในเว็บไซต์ยูทูบเมื่อวันเสาร์
ส่งผลให้เกิดกระแสความโกรธเกรี้ยวจากชุมชนมุสลิมซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ
โดยโนร์ได้กล่าวอีกว่า ตำรวจได้รับคำสั่งจากศาลให้ควบคุมตัวเจ้าของรีสอร์ตไว้เป็นเวลา
4 วันสำหรับการสืบสวน
ซึ่งข้อหาดังกล่าวมีโทษจำคุก 2 ปี
แต่เขาปฏิเสธที่จะบอกรายละเอียดเพิ่มเติม
ด้านผู้นำชุมชนพุทธในมาเลเซีย เค.
ศรี ธรรมรัตนะ ออกมากล่าวขอโทษต่อ " พี่น้องชาวมุสลิม " สำหรับการกระทำของกลุ่มชาวสิงคโปร์
พร้อมเสริมว่า " ผมขอแนะนำให้ชาวพุทธในมาเลเซียและสิงคโปร์เคารพความอ่อนไหวทางศาสนาของผู้อื่น
ไปพร้อมๆ กับการปฏิบัติข้อกำหนดและความรับผิดชอบในศาสนาของเราเอง "
ในระยะนี้
ข้อขัดแย้งทางศาสนาหลายต่อหลายครั้งกลายเป็นข่าวใหญ่ของประเทศมาเลเซีย
ซึ่งประกอบไปด้วยชุมชนของคนหลากหลายเชื้อชาติและศาสนา รวมถึงชาวจีนและอินเดีย
โดยผู้นับถือศาสนาอิสลามมีจำนวนราว 60
เปอร์เซ็นต์ของประชากร 28 ล้านคน
Website :
สร้างระบบวรรณะขึ้นในมาเลเซีย มองคนต่างศาสนาเป็นชนชั้นสอง.พอมาคุยเรื่องปัญหาไฟใต้ ก็โพยตีพายว่าเกิดจากรัฐบาลไทยไม่ให้ความเป็นธรรมกับมุสลิม
ตอบลบ