เขียนโดย : สุพรรษา ถวายเทียน
ในปัจจุบัน โลกใบนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ประเทศแทบทุกประเทศในโลกได้เพียรพยายามที่จะพัฒนาประเทศชาติของตนเองให้ก้าวทันกับยุคสมัยที่กำลังเปลี่ยนไปในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะในด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง หรือวัฒนธรรม ทั้งหมดล้วนถูกพัฒนาไปตามศักยภาพของประเทศนั้นๆ และแน่นอน หากจะมองการพัฒนาของประเทศหนึ่งๆนั้นว่ามีศักยภาพมากน้อยแค่ไหน การขยายตัวในด้านเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆย่อมบ่งบอกถึงความล้าหลังหรือความทันสมัยของประเทศได้เป็นอย่างดี ซึ่งสำหรับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้วนั้น มีทั้งประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศที่กำลังดำเนินการพัฒนาอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเทศมาเลเซียที่ถือได้ว่าเป็นประเทศที่มีการพัฒนาในด้านเศรษฐกิจอย่างกว้างขวาง มีการเจริญเติบโตขึ้นทุกปี ซึ่งจะเห็นได้จากการขยายตัวโดยรวมของสินค้าภายในประเทศ และนอกจากนั้นแล้ว มาเลเซียยังเป็นหนึ่งในประเทศที่องค์การสหประชาชาติได้จัดให้เป็นประเทศนิคส์ (NICS) หรือประเทศที่พัฒนาทางด้านอุตสาหกรรมใหม่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ประเทศมาเลเซียนั้นมีศักยภาพสูงมากในเชิงเศรษฐกิจ อีกทั้งยังเป็นประเทศที่อยู่ในแนวหน้าของกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันเฉียงใต้อีกด้วย
ประเทศมาเลเซียนั้น เป็นประเทศหนึ่งที่มีการพัฒนาทางด้านอุตสาหกรรมต่างๆมากมาย ซึ่งอุตสาหกรรมฮาลาลก็เป็นอีกอุตสาหกรรมหนึ่งที่กำลังมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยที่อุตสาหกรรมฮาลาลของมาเลเซียนั้นไม่ใช่มีเพียงด้านอาหารอิสลามเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงสินค้าประเภทอื่นๆอีกมากมาย เช่น ยา เครื่องสำอาง
ของใช้ประเภทสบู่ ยาสีฟัน เครื่องหนัง
และนอกจากนั้นแล้ว
ยังเกี่ยวข้องกับการบริการ
เช่น การจัดเลี้ยง โรงแรม
การฝึกอบรม ธนาคาร สื่อมวลชน
โลจิสติกส์
และการท่องเที่ยวอีกด้วย
ทั้งนี้
สาเหตุหนึ่งที่อุตสาหกรรมฮาลาลในมาเลเซียได้ขยายตัวอย่างกว้างขวางก็เนื่องมาจากว่าศาสนาอิสลามนั้นเป็นศาสนาที่มีการขยายตัวเร็วที่สุดในโลก จากการวิจัยของ Pew
Research Centre ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยที่ศึกษาศาสนาและผลกระทบจากศาสนาต่อสังคมได้รายงานว่าในปัจจุบันมีประชากรมุสลิมทั่วโลกประมาณ 1600 ล้านคน
คิดเป็น 23 % ของจำนวนประชากรทั่วโลกและในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าอาจจะเพิ่มจำนวนเป็น 35
% ของจำนวนประชากรทั่วโลกกันเลยทีเดียว ซึ่งจากจำนวนดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งของศาสนาอิสลามในศตวรรษที่ 21
ดังนั้นผู้ที่จะปฏิบัติตามบัญญัติและข้อห้ามในศาสนาอิสลามจึงเพิ่มมากขึ้นด้วย และในฐานะที่มาเลเซียเป็นประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากถึง 60
% จากจำนวนประชากรทั้งประเทศ ทำให้มาเลเซียกลายเป็นประเทศที่มีการผลิตอุตสาหกรรมฮาลาลมากที่สุดในระดับต้นๆของประเทศทั่วโลก
โดยที่มาเลเซียได้วางเป้าหมายให้อุตสาหกรรมฮาลาลของตนเป็นศูนย์กลางของโลก โดยมีการจัดตั้ง Halal
Industry Development Corporatoin
หรือ HDC ตั้งแต่ปี 2006
ให้เป็นหน่วยงานกลางในการพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมฮาลาล ซึ่งกลุ่มสินค้าฮาลาลที่ถือครองส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดของตลาดสินค้าฮาลาลโลกก็คือ อุตสาหกรรมอาหารฮาลาลนั่นเอง ดังนั้น
อาหารฮาลาลจึงกลายเป็นความต้องการของประชากรทั้งในมาเลเซียเอง และได้กลายเป็นแนวโน้มใหม่ของตลาดอาหารโลก
ในโลกปัจจุบันมักเชื่อมโยงเข้าด้วยกันด้วยระบบตลาด มีการผลิตแบบอุตสาหกรรมเป็นพื้นฐาน ซึ่งเช่นเดียวกัน การผลิตอาหารนั้นส่วนใหญ่ก็เป็นการผลิตเพื่อป้อนสู่ตลาด
การผลิตเพื่อบริโภคในครัวเรือนนั้นมีปริมาณน้อยมาก ดังนั้น
ตลาดอาหารโลกจึงมีบทบาทอย่างสูงต่อโภชนาการและการสนองอาหารต่อประชากรในโลก
ซึ่งจากสถานการณ์ในปัจจุบันจะสังเกตเห็นได้ว่าอาหารที่มีตราฮาลาลรับรองนั้นจะเป็นกลุ่มอาหารที่เป็นความต้องการของตลาดโลกสูงมาก
อีกทั้งอัตราการขยายตัวของอาหารฮาลาลก็ยิ่งพุงสูงขึ้นทุกวัน ทั้งนี้ก็เพราะว่าความต้องการในอาหารฮาลาลนั้นมิได้จำกัดอยู่เฉพาะแค่ประชากรที่เป็นมุสลิมเท่านั้น
แต่ผู้ที่มิได้นับถือศาสนาอิสลามก็เริ่มหันมาเลือกบริโภคอาหารที่มีตราฮาลาลรับรองกันมากขึ้นด้วยเช่นกัน ที่เป็นเช่นนี้ ก็เนื่องมาจากว่า ในปัจจุบันผู้คนทั่วไปจะให้ความสำคัญกับอาหารหรือผลิตภัณฑ์ที่มีตราฮาลาลเป็นอย่างมาก
เพราะเชื่อว่าเจตนารมณ์ของอาหารฮาลาลที่ให้ชาวมุสลิมได้บริโภคนั้นเป็นอาหารที่บริสุทธิ์ สะอาด ดีต่อสุขภาพ
และไม่มีพิษอันตรา อีกทั้งกระบวนการผลิตก็ย่อมต้องผ่านตามขั้นตอนตามหลักการของอิสลาม
และอาหารที่จะสามารถรับรองตราฮาลาลได้นั้นย่อมต้องเป็นอาหารที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายอย่างแน่นอน ส่วนอาหารประเภทซากสัตว์ เลือด
หรือเนื้อหมูนั้น
จากการพิสูจน์ทางการแพทย์ก็พบว่าเป็นสิ่งที่อันตรายต่อร่างกายมนุษย์ทั้งสิ้น ซึ่งอาหารเหล่านี้ก็เป็นที่ต้องห้ามของศาสนาอิสลามอยู่แล้ว ดังนั้น
จากความพิถีพิถันในเรื่องของการบริโภคตามหลักการศาสนาอิสลามนี้นี่เองที่ทำให้คนที่มิใช่มุสลิมเริ่มหันมานิยมบริโภคอาหารฮาลาลกันมากขึ้น
ซึ่งนอกจากนั้นแล้ว
จากอัตราการขยายตัวของประชากรมุสลิมที่ยิ่งเพิ่มมากขึ้นทั่วโลก ดังที่ได้กล่าวไว้ในบทข้างต้นนั้น
ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อัตราความต้องการในอาหารฮาลาลเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน ดังในตารางด้านล่างนี้
จากตารางข้างต้น
เป็นเพียงตัวอย่างของความต้องการในอาหารฮาลาลของประชากรมุสลิมในประเทศบางประเทศเท่านั้น ซึ่งหากเฉลี่ยปริมาณการขยายตัวของอาหารฮาลาลในช่วงที่ผ่านมาทั่วโลกแล้วนั้นก็จะมีมูลค่าประมาณ 5
แสนล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ซึ่งมันจะขยายตัวเพิ่มขึ้นไปพร้อมกับการขยายตัวของจำนวนประชากรมุสลิมที่เพิ่มขึ้นทุกปี และด้วยจำนวนดังกล่าวนั้นสะท้อนให้เห็นว่าเมื่อความต้องการในอาหารฮาลาลเพิ่มมากขึ้น
ตลาดที่มีการผลิตและส่งออกอาหารฮาลาลย่อมมากขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้น
ไม่เพียงแค่ตลาดอาหารในมาเลเซียเท่านั้นที่มีการเร่งการผลิตอาหารฮาลาล แต่ยังมีตลาดรายใหญ่อื่นๆอีกทั่วโลกที่ทำการขยายอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของประชากรในโลกปัจจุบัน
อาหารฮาลาลหรือสินค้าต่างๆที่มีเครื่องหมายฮาลาลรับรองนั้น
คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่ามันเป็นเพียงแค่สัญลักษณ์หนึ่งที่จะบ่งบอกให้รู้ว่าอาหารหรือสิ่งของชิ้นนั้นเป็นที่อนุญาตสำหรับมุสลิม
แต่กลับไม่เข้าใจในเหตุผลว่าทำไมถึงต้องมีคำว่าฮาลาล แต่เมื่อยุคสมัยมันเปลี่ยนไป หลักวิทยาศาสตร์มีความก้าวหน้ามากขึ้น ดังนั้นจึงมีการเริ่มหาเหตุผลว่าทำไมอาหารบางชนิดถึงฮาลาล
และทำไมอาหารบางชนิดที่คนทั่วไปสามารถรับประทานได้กลับเป็นที่ต้องห้ามสำหรับมุสลิม
โดยการนำอาหารเหล่านั้นมาทำการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์
ซึ่งปรากฏว่าอาหารทุกอย่างที่มีตราฮาลาลรับรองนั้นสะอาด มีประโยขน์
และไม่เป็นโทษต่อร่างกาย ซึ่งถือเป็นแนวคิดของอาหารฮาลาลที่ต้องการส่งเสริมในด้านสุขอนามัย การสุขาภิบาลและความปลอดภัย
ไม่ใช่เป็นเพียงแค่บทบัญญัติทางศาสนาเท่านั้น ในขณะที่อาหารที่มุสลิมถูกห้ามทานนั้นกลับมีโทษต่อร่างกายมนุษย์ไม่มากก็น้อย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว
จึงไม่แปลกเลยที่ปัจจุบันอาหารฮาลาลได้กลายเป็นที่ต้องการของคนทั่วโลก ทั้งคนที่เป็นมุสลิมและไม่ใช่มุสลิม
ซึ่งแน่นอนว่า
เมื่อแนวโน้มความต้องการในอาหารฮาลาลยิ่งพุ่งสูงขึ้น ตลาดที่ผลิตอาหารฮาลาลรายใหญ่อย่างมาเลเซียก็ย่อมต้องเร่งการผลิตเช่นกัน และการที่มาเลเซียได้กลายเป็นศูนย์กลางฮาลาลโลกนั้น
ย่อมแสดงให้เห็นถึงความมีศักยภาพในด้านการผลิตทั้งอาหาร สินค้า
หรือการบริการอื่นๆที่ฮาลาลได้เป็นอย่างดี
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อความต้องการในอาหารฮาลาลยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่าไร การแข่งขันในการผลิตและส่งออกอาหารฮาลาลของประเทศต่างๆก็ย่อมสูงขึ้นเช่นกัน ซึ่งสำหรับมาเลเซียแล้วนั้น
อุตสาหกรรมฮาลาลคงจะมีแต่การขยายตัวกว้างขึ้นอยู่เสมอ เพราะนอกจากมาเลเซียจะเป็นประเทศมุสลิมแล้ว
ศักยภาพในการผลิตและคุณภาพของผลผลิตก็เป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลกเช่นกัน
บรรณานุกรม:
โครงการตะวันออกกลางศึกษา. (2549).
อาหารฮาลาล: แนวโน้มใหม่ตลาดอาหารโลก. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย,
(กรุงเทพ).
ชัยโชค จุลศิริวงศ์. (2538).
นโยบายต่างประเทศของมาเลเซีย. เอเชียตะวันออกเฉียงใต้: นโยบายต่างประเทศในยุคโลกาภิวัตน์, สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย.
กรุงเทพฯ.
นิติ นวรัตน์. (2555,
24 ตุลาคม). “มีมุสลิมกี่คนบนโลกใบนี้.” เปิดฟ้าส่องโลก. ไทยรัฐ. 2.
วิทย์ บัณฑิตกุล (เรียบเรียง). (2555)
มาเลเซีย. หนังสือชุดประชาคมอาเซียน. พิมพ์ครั้งที่ 2. (กรุงเทพ:
วีพริ้น จำกัด).
อุมาร มาตะมัน. (2551). อาหารฮาลาลคืออะไร. วิทยุสราญรมย์. 38-39 (มกราคม-มิถุนายน).
John Gullick. (1981). Malaysia: Economic Expansion and National Unity.
London: By Ernest Benn Limited.
SIRIM Berhad. (2004). For
Halal Food. Standardisation, 11 (July -
August). 6.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น